บ้านผนังสีเขียว บ้านสวนน้อยๆ
บ้านผนังสีเขียว Green House ราวกับมีเพชรนิลจินดาใน สวนบ้านน้อย ในสนามหญ้าหลังบ้านBigger isn’t always better ใหญ่มากยิ่งกว่ามิได้ดีเสมอโครงการบ้าน ภูเก็ต ถ้าเกิดพวกเราบริหารพื้นที่ดีๆบ้านขนาดเล็กลงสักนิดสักหน่อยกลับตอบปัญหาได้ดีมากยิ่งกว่าก็มี เสมือนอาทิเช่น โปรเจ็กต์การแก้ไขบ้านที่ย่ำแย่ ในเมลเบิร์นสำหรับเจ้าของบ้านที่อยู่ผู้เดียว ที่อยากได้ปรับแก้แล้วก็เพิ่มพื้นที่ ดำรงชีวิตเพื่อเหมาะสม กับไลฟ์สไตล์ตามแบบฉบับ ข้อสรุปของ Circle Studio phuket villaArchitects เป็นการผลิตห้องรวมทั้งเฉลียงโดยไม่จำเป็นจะต้องใหญ่มหึมาหากว่าไซต์จะมีขนาดออกจะใหญ่ เพื่อรักษาสนามข้างหลังบ้านขนาดใหญ่ไว้ให้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอบอุ่นสำหรับในการพักที่แสนสบาย
เป้าหมายของการออกแบบใหม่เป็นการผลิตส่วนหลังใหม่ให้มีครัว ห้องรับแขก รวมทั้งพื้นที่กินอาหารรวมทั้งรวมบ้านกับสนามหญ้าหลังบ้าน แต่ว่าปัญหาหลักอย่างหนึ่ง ของภูมิลำเนาเป็น ข้างหลังบ้านรู้สึกมืดรวมทั้งปิดทึบโดยมิได้คุณประโยชน์อะไรก็ตามจากทางด้านทิศใต้ หัวใจของ การออกแบบส่วนต่อเพิ่มเติม เป็นการเปิดบ้านขึ้นสู่สนามข้างหลังบ้าน เพื่อใช้พื้นที่ให้ กำเนิดผลดีสูงสุด เพิ่มแสงสว่างธรรมชาติ ให้เยอะที่สุด กลายเป็นพื้นที่อบอุ่น โปร่ง รวมทั้งสว่างตามธรรมชาติ ทำให้ดีไซน์เนอร์เลือกทำแต้มที่เปิดได้กว้างใส่สิ่งของโปร่งใส เมื่อดวงตะวันเขยื้อนผ่านหน้าต่างบานใหญ่แสงสว่างจะเข้าสู่ตัวบ้านได้ตลอดวัน ซึ่งแนวทางการทำอย่างงี้ยังเป็นแนวทางที่ช่วยสำหรับเพื่อการเชื่อมต่อบ้านกับระเบียงด้านนอกได้สนิทสนมเพิ่มขึ้นด้วยphuket villa
ประตูสไลด์เหล็กเปิดออกเพื่อ สร้างการเชื่อมต่อกับที่โล่งแจ้ง แผ่นพื้นไม้ในบ้านขยายไปถึงเฉลียงไม้ คือการใช้อุปกรณ์ประเภทเดียวกันทำลายขอบเขตระหว่างข้างในรวมทั้งด้านนอก พื้นที่ที่โล่งแจ้งเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆด้วยกำแพงโชว์ก้อนอิฐที่ก่อสูงปิดมุมมองข้างๆ ส่วนของเฉลียงไม้สูงโดยประมาณ 3 สเต็ปจากพื้นสนามต้นหญ้าแล้วก็ทำมุมโค้งล้อกับฝาผนังบ้าน ทำให้มุมนี้ดูเหมือนกับว่าเวทีที่เอาขึ้นมาอย่างสะดุดตาจุดหนึ่งที่เด่นสะดุดตาเป็น
กระเบื้องสีเขียวที่ปกคลุมข้างหน้าตึกข้างหลัง
ที่ใช้กระเบื้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเขียวมรกต ซึ่งได้รับแรงดลใจจากผับโบราณในเมลเบิร์นเหนือ เจ้าของบ้านถูกใจกระเบื้องภายนอกที่หุ้มห่อไว้ เพราะเหตุว่าความมันวาวทำให้ฝาผนังสะท้อนทั้งยังแสงสว่างแล้วก็สะท้อนความเขียวของสวน ด้วยวิธีแบบนี้เมื่อเงาสะท้อนต้นไม้ไปตกกระทบบนผิวกระเบื้อง แล้วแปรไปตามองศาการเดินทางของแสงสว่างตลอดวัน ทำให้บ้านราวกับเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของสวน สร้างกำแพงสีเขียวได้อย่างแท้จริง
ที่นั่งขอบหน้าต่างตรงฝาผนังไม้โค้งๆทำเป็นซอกเล็กๆที่เป็นส่วนตัว ช่วยทำให้เจ้าของบ้านมีเวลาอ่านหนังสือหรือเพลินกับเครื่องดื่ม ขณะที่แลเห็นลานที่โล่งแจ้งได้แน่ชัดหนึ่งในความท้าที่ใหญ่ที่สุดเป็นการนำแสงไฟเข้ามาทางด้านทิศใต้ เพื่อนำความอบอุ่นมาสู่ศูนย์กลางบ้าน คนเขียนแบบชี้แจงว่า สำหรับการเก็บแสงสว่างให้ได้มากที่สุดหลังคาก็เลยถูกเอาขึ้นสูง แล้วใส่ช่องแสงสว่างขนาดใหญ่รายล้อมไปจนกระทั่งตอนที่ติดเพดาน
เพื่อมานะดักกแสงสว่างเหนือไปสู่พื้นที่ใช้สอยหลัก
เพดานที่เฉสูงนี้การยังเพิ่มความรู้สึกของจำนวนแล้วก็พื้นที่ที่โปร่งขึ้นด้วย ส่วนแบบแปลนข้างในเป็นแบบเปิดโดยปลดปล่อยให้พื้นที่นั่งพักผ่อนแล้วก็พื้นที่กินอาหารเปิดกว้างเชื่อมต่อถึงกันทำให้เกิดความรู้สึกถึงความเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น เป็นราวกับห้องโถงขนาดใหญ่ที่ใส่ทุกฟังก์ชันที่จำเป็นจะต้องสำหรับการใช้งานเข้าด้วยกันบ้านสวนสวยๆ
“ครัวไม่จำเป็นที่ต้องมีขนาดใหญ่ แต่ว่าจำต้องแลเห็นสวน” เป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักของบ้าน ครัวใหม่ก็เลยเน้นย้ำเฉพาะฟังก์ชันห้องครัวที่ใช้งานจริง ชั้นเก็บของแบบเปิดมีโครงเหล็กสำหรับวางข้าวของเหนืออ่างล้างถ้วยชาม ทำให้มองโปร่งสบายตา วางต้นไม้และก็คอลเลคชันเซรามิกและก็เครื่องแก้วของสะสมเพิ่มความเด่นให้กับพื้นที่ โทนสีเป็นสีดำตัดกันกับไม้สีน้ำตาลมองกับทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติด้านนอก ซึ่งดีไซน์เนอร์จัดให้ชุดห้องครัวคราวหน้าออกไปยังสวน เมื่อใดก็ตามใช้งานก็เลยแลเห็นทิวทัศน์อย่างที่อยากphuket villa
วิธีการการออกแบบแบบบ้านแบบอย่างนี้เรียกว่า พาสซีฟ (Passive Cooling) เป็นการก่อสร้างตึกที่ตั้งดวงใจใช้ประโยชน์จากแนวทางแสงสว่าง การจัดการลม เพื่อถิ่นฐานบ้านช่องความเย็นมีสถานการณ์สบายโดยการพึ่งพิงธรรมชาติ อย่างเช่น การใส่หน้าต่างในด้านที่ลมผ่านบ้านสวยๆหรูๆ แล้วก็มีหน้าต่างระบายอากาศตามธรรมชาติ มีการคุ้มครองความร้อนไปสู่ตัวตึกโดยการปลูกต้นไม้บังแดด การผลิตชายคาป้องกันแสงแดด รวมทั้งการระบายความร้อนออกมาจากหลังคาด้วยการใช้ช่องเปิดที่สมควร ช่วยทำให้บ้านมีความสบายสบายเยอะขึ้นเรื่อยๆตลอดทั้งปี ในบ้านพวกเราที่มีอากาศร้อนมาก บางครั้งอาจจะควรมีตัวช่วยเรื่องสิ่งของฉนวนกันความร้อนบนหลังคารวมทั้งฝาผนังมากขึ้น